วันอาทิตย์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2560

เรื่องย่อวรรณคดี อุษา – บารส

ตำนานรัก "อุษา – บารส" 



อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาภูพาน ในเขต อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสำคัญเกี่ยวกับอารยธรรมของมนุษย์ และการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิประเทศคือมีหินทรายที่ถูกกัดกร่อนด้วยกาลเวลาเกิดรูปร่างแปลกตาในรูปทรงต่างๆ นับเป็นความมหัศจรรย์ของธรรมชาติในการจัดแต่งกลุ่มก้อนหินให้มีลักษณะต่างๆ ซึ่งคนรุ่นเก่าสมัยก่อนได้นำมาผูกแต่งจินตนาการเป็นเรื่องราวให้สอดคล้องกับสถานที่ นั่นคือ ตำนานรักอุษา-บารส อันลือเลื่อง

พระยาพานผู้ครองเมืองพาน ได้นำธิดาแสนสวยชื่อ "นางอุษา" ไปฝากไว้กับฤาษี ในบริเวณป่าแถวภูพาน เพื่อให้นางอุษาได้ร่ำเรียนวิชา โดยสร้างหอคอยให้อยู่อย่างโดดเดี่ยวลำพังคนเดียว ซึ่งต่อมาชาวบ้านเรียกว่า หอนางอุษา มีลักษณะเป็นเพิงหินรูปคล้ายดอกเห็ด ขนาดกว้าง 5 เมตร ยาว 7 เมตร ตรงผนังหินด้านทิศเหนือของก้อนหินก้อนล่างมีภาพเขียนสีเป็นลายเส้นสีแดง  2-3 เส้น

ต่อมานางอุษาได้ร้อยดอกไม้เป็นรูปหงส์  พร้อมข้อความแสวงหาความรักลงในกลีบดอกไม้ อธิษฐานว่าใครที่จะเป็นคู่ครองของนาง ขอให้เก็บพวงมาลัยพวงนี้ได้และขอให้ได้พบกัน แล้วนำไปลอยน้ำ ปรากฏว่า "ท้าวบารส" โอรสแห่งเมืองพระโค  เป็นผู้เก็บได้และนึกรักใคร่นางอุษาทันที ได้ออกเดินทางรอนแรมไปตามป่าเขากับม้าคู่ใจ จนไปถึงที่อยู่ของนางอุษา ได้ผูกม้าไว้ที่เพิงหิน ซึ่งเรียกว่า คอกม้าท้าวบารส (มีภาพเขียนสีอยู่บนเพิงหินด้านทิศเหนือ)

เมื่อทั้งสองได้พบกัน ความรักก็เกิดขึ้น แต่เมื่อพระยาพานทราบข่าวก็โกรธมาก ได้ท้าพนันสร้างวัดแข่งกัน ภายในเวลาดาวประกายพรึกขึ้น หากฝ่ายใดสร้างเสร็จไม่ทันก็จะถูกตัดศีรษะ ฝ่ายท้าวบารสซึ่งมีแรงงานน้อยกว่า ได้คิดอุบายนำเทียนจุดสว่างไปตั้งอยู่บนปลายไม้เหนือยอดเขาฝ่ายพระยาพานเข้าใจผิดคิดว่าดาวประกายพรึกขึ้น จึงพากันหยุดสร้างขณะเดียวกันฝ่ายท้าวบารสก็เร่งสร้างจนเสร็จ เช้าขึ้นพอรู้ว่าวัดที่ตนเองสร้างไม่เสร็จ พระยาพานจึงถูกตัดศีรษะตามสัญญา

แต่พระยาพานก็สามารถฟื้นขึ้นมาใหม่ได้และเกิดการสู้รบกัน  ท้าวบารสได้สังหารพระยาพาน นางอุษาเศร้าโศกเสียใจมาก ที่ท้าวบารสฆ่าพ่อของตนเอง และเมื่อกลับไปเมืองพะโค ก็ถูกพระมเหสีทั้ง 10 ของท้าวบารสรังแกและออกอุบายให้ท้าวบารส ออกไปสะเดาะเคราะห์ในป่าเป็นเวลา 1 ปี  นางอุษาจึงหนีกลับไปที่หอนางอุษาด้วยความรู้สึกผิดหวังในความรักเกิดล้มป่วยเพราะตรอมใจ  กระทั่งเสียชีวิตไป ฝ่ายท้าวบารสทราบข่าวก็รีบมาหา  เห็นนางอุษาสิ้นชีวิตไป ก็ตรอมใจสิ้นตามนางไปอีกคน

จากตำนานรักอุษา-บารสนี้ ได้ปรากฏเป็นก้อนหินรูปร่างต่างๆ บริเวณภูพระบาท เช่น หอนาง อุษา คอกม้าท้าวบารส หีบศพนาง อุษา หีบศพท้าวบารส บ่อน้ำนางอุษา กี่นางอุษา และวัดพ่อตา วัดลูกเขย นอกเหนือจากนั้นยังมีภาพเขียนสีสมัยก่อนประวัติศาสตร์ประดับอยู่ตามผนังเกือบทุกแห่ง

สำหรับผู้มาเยือนอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท นอกเหนือจะได้ชมความงามมหัศจรรย์ของหินรูปทรงต่างๆ แล้ว ยังมีที่เที่ยวอื่นๆในบริเวณใกล้เคียงคือ พระพุทธบาทบัวบก พระพุทธบาทหลังเต่า พระพุทธบาทบัวบาน รวมถึงถ้ำและเพิงหินต่างๆ ให้ได้ชมกัน

และอีกหนึ่งตำนาน อุสา - บารส อำเภอบ้านผือ อุดรธานี

นานมาแล้ว.........มีเมืองหนึ่ง ชื่อว่า เมืองพานมีพระยาพานปกครองดูแล มีพระราชบุตรนามว่าท้าวพานนา และพระราชธิดานามว่านางสมัญญา วันหนึ่งพระยาพานได้เสด็จประพาสป่า ได้พบกับนางอุสา ซึ่งเป็นเด็กผู้หญิงหน้าตาน่าเอ็นดู จึงทรงขอนางอุสากับพระฤๅษีมาเลี้ยงเป็นลูกท้าวพานนาและนางสมัญญาก็รักนางอุสาดุจเดียวลูกในไส้ เมื่อนางอุสาเติมโตเป็นสาวรุ่นมีความงดงามจนเป็นที่เลืองลือไปทั่วทุกแคว้น

กล่าวฝ่าย พระยาไกลาสครองเมืองภูเงิน ทราบข่าวความงดงามของนางอุสาจึงใคร่อยากได้นางมาเป็นมเหสี จึงนำทองคำและเงินมาถวายพระยาพานเพื่อขอนางอุสาไปเป็นมเหสี แต่นางอุสา ปฏิเสธพระยาไกรลาส จึงกลับเมืองภูเงินไปอย่างผิดหวัง

กล่าวถึงท้าวบารสพระราชบุตรของพระยากิตติกรนารายณ์สี่มือเจ้าเมืองปะโคทรงโปรดปราน การเสด็จประพาสป่า  วันนั้นได้เสด็จออกประพาสป่า จนมาถึงไทรใหญ่ จึงได้หยุดพักผ่อน และสั่งให้ เสนาอำมาตย์ตั้งเครื่องเซ่นสังเวยเทวดาอารักษ์ทั้งหลายอย่างอุดมสมบูรณ์ เมื่อเทวดาอารักษ์ทั้งหลาย ได้รับเครื่องเซ่นไหว้แล้วก็พากันคิดตอบแทนน้ำใจ ของท้าวบารส คืนวันนั้นขณะที่ทุกคนรวมทั้งท้าวบารสกำลัง หลับพักผ่อนกันในป่าเทวดาได้อุ้มเอาท้าวบารสไปไว้ในหอของอุสา เมื่อทั้งสองได้พบกัน ก็มีความพอใจกัน อยู่ด้วยกันเป็นเวลา ๗ คืน ตกดึกของคืนวันที่ ๘ ขณะที่นางอุสาและท้าวบารสกำลังหลับสนิทอยู่นั้น เทวดาก็ได้มาอุ้มท้าวบารสกลับไปที่ต้นไทรใหญ่เหมือนเดิม เมื่อท้าวบารสตื่นขึ้นมาทรงคิดว่า ตนฝันไปและทรงคิดถึงนางอุสาตลอดเวลานึกตั้งคำถามว่า นางเป็นใครอยู่ที่ไหน และได้พาขบวน เสนาอำมาตย์กลับเมืองปะโค

กล่าวถึงนางอุสาเมื่อตื่นขึ้นไม่พบท้าวบารสก็ได้สอบถามกับเหล่านางสนมทั้งหลายแต่ไม่มีใครทราบ นางสมัญญาเห็นผิดสังเกตจึงถามความเป็นไปจากนางอุสา นางอุสาจึงได้เล่าความจริงทั้งหมดให้ฟัง แต่นางก็ไม่รู้ว่าชายที่มาอยู่กับนางนั้นเป็นใคร อยู่ที่ไหน นางสมัญญารู้สึกเอ็นดู และสงสารนางอุสายิ่งนัก จึงอาสาวาดรูปกษัตริย์เมืองต่าง ๆ เอามาให้นางอุสาดู จนกระทั่งวาดมาถึงรูปของท้าวบารสพระราชบุตร แห่งเมืองปะโค นางอุสาเห็นแล้วดีใจมาก เมื่อทราบว่าท้าวบารสเป็นใคร อยู่ที่ไหน แล้วนางอุสา รีบเขียนสาสน์ไปถึงท้าวบารสทันที ท้าวบารสเมื่อได้รับสาสน์ของนางอุสา และรู้ว่านางเป็นใคร อยู่ที่ไหนรีบควบม้ามาหาทันทีเช่นกัน เมื่อทั้งสองได้พบกันอีกครั้งมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ท้าวบารส อยู่ที่หอนางอุสาร่วมหนึ่งเดือน ความทราบถึงพระยาพาน พระยาพานทรงพิโรธอย่างเป็นไฟทีเดียว รีบบึ่งไปจับตัวท้าวบารส โดยไม่ฟังคำทัดทานใด ๆ ทั้งสิ้น แม้ท้าวบารสจะอ้อนวอนด้วยเหตุผลใด ๆไม่รับฟังและสั่งให้ท้าวบารสไปขังไว้ร้อนถึงพระฤาษีเมื่อรู้ด้วยญาณว่าท้าวบารสถูกคุมขังไว้จึงได้เดินทางจากป่าเข้าวัง ขอให้พระยาพานปล่อยท้าวบารสเสียแต่ไม่สำเร็จ จึงได้เดินทางไปบอก พระยากิติกรนารายณ์สี่มือเจ้าเมืองปะโคพระราชบิดาของท้าวบารส พระยากิติกรนารายณ์สี่มือมีสาสน์ ไปถึงพระยานพรานให้ปล่อยท้าวบารสกลับคืนเมืองปะโคเสีย มิฉะนั้นจะต้องทำศึกกัน พระยาพานไม่ยอมปล่อยท้าวบารสและยินดีที่จะทำศึกกับเมืองปะโค

การทำศึกระหว่างเมืองพานกับเมืองปะโคนั้นเป็นไป อย่างเข้มข้นเพราะเจ้าเมืองทั้งสองต่างมีอิทธิฤทธิ์ด้วยกันทั้งคู่แต่แล้วพระยาพานเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำถูกฆ่าตาย  ในสนามศึกครั้งนั้นนางอุสาได้ติดตามไปอยู่กับท้าวบารสที่เมืองปะโคแต่ต้องตรอมใจตลอดเวลา เพราะถูกนางสนมของท้าวบารสพูดและทำพฤติกรรมเสียดสีกระทั้กกระทั้น ต่างๆ นา ๆ ท้าวบารสไม่เอาใจใส่นางดั่งที่เคยอยู่กันที่หอนางอุสาได้รับความซอกช้ำใจมาก ในมี่สุดจึงตัดสินใจหนีกลับคืนเมืองพาน

เมื่อกลับถึงเมืองพาน นางอุสามีแต่ความคิดถึงท้าวบารสจนกินไม่ได้นอนไม่หลับจนล้มป่วยลง ท้าวพานนาและนางสมัญญาดูแลเอาใจใส่นางอุษา เป็นอย่างดีและรีบส่งข่าวไปบอกท้าวบารส เมื่อท้าวบารสทราบข่าวว่านางอุษาหนีกลับมาอยู่ที่เมืองพานและกำลังป่วยหนัก จึงรีบขวบม้ามาหาทันที แต่มาช้าไปเพราะนางอุษามีร่างกายซูบผอมลงไม่มีกำลังใจในการต่อสู้อีก ทั้งหัวใจบอบซ้ำ ในที่สุดนางอุษาก็ซ้ำใจตายท้าวพานนาและนางสมัญญา รู้สึกสะเทือนใจในการตายของนางอุษาจนสุดควบคุมจิตใจของตนเองได้ จึงขาดใจตามนางอุษาไปด้วย

เมื่อท้าวบารสมาถึงเมืองพานสามพี่น้องตายอยู่ด้วยกัน รู้สึกสำนึกผิดที่มีต่อนางอุษา พระยาพาน ท้าวพานนา นางสมัญญา และชาวเมืองพานทุกคนที่ตนทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ท้าวบารสเสียใจ เป็นที่สุดจึงล้มป่วยลง ขาดใจตายตามไปด้วยกันด้วยความรักที่ทุกคนมีต่อกัน อย่างบริสุทธิ์ จึงเป็นบุญให้ดวงวิญญาณไปเสวยสุขอยู่บนสวรรค์

เครดิต : http://www.boysapolclub.com/Forums/index.php?topic=2607.75

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น