วันพุธที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2564

องค์เทพประจำวันเกิด

 เห็นได้ชัดเจนว่า ศาสนาพราหมณ์-ฮินดูนั้น มีอิทธิพลต่อสังคมและวัฒนธรรมไทยอย่างยิ่ง ควบคู่ไปกับศาสนาพุทธ ดังนั้นคติความเชื่อลักษณะนี้จึงสอดแทรกอยู่ในวิถีการดำรงชีวิตของคนไทยมาอย่างยาวนาน ซึ่ง องค์เทพประจำวันเกิด ของคุณ คือเทพองค์ไหน และคอยช่วยคุ้มครองคุณอยู่ในเรื่องใดบ้าง มาดูกัน





ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์


พระศิวะ (พระอิศวร)


พระศิวะ (พระอิศวร)


องค์เทพประจำของคนที่เกิดวันอาทิตย์ คือ พระศิวะ (พระอิศวร) บูชาเพื่อขอเกียรติยศ ชื่อเสียง ขอความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ตามตำราได้กล่าวว่าพระอาทิตย์ถูกสร้างโดยพระศิวะ ซึ่งนำเอาไกรสรราชสีห์ 6 ตัวมาบดให้ละเอียด ห่อด้วยผ้าสีแดงและพรมด้วยน้ำอมฤต เสกคาถาจนกลายร่างเป็นพระอาทิตย์ที่มีรูปกายสีแดง สว่างสไวรุ่งโรจน์ 




หากผู้ใดประพฤติเพื่ออุทิศถวายแก่พระองค์แล้วปรารถนาสิ่งวิเศษใด ๆ ก็ให้พรนั้น พระศิวะจะประทานสิ่งวิเศษให้ในไม่ช้า แต่เมื่อได้พรสมปรารถนาแล้ว วันหน้าหากกระทำผิดไปจากความดีงามคนผู้นั้นจะเกิดวิบัติในชีวิตได้เช่นกัน




คาถาบูชาพระศิวะ 


โอม นะมัส ศิวายะ (สามจบ)


โอม กระปูระเคารัม กรุณาวะตารัม


สัมสาระสารัม ภุชะเคน ทระหารัม


สะทาวะสันตัม หะริทะยาระวินเท


ภะวัมภะวาณิ สะหิตัม นะมามิ




ผู้ที่เกิดวันจันทร์


พระแม่อุมาเทวี


พระแม่อุมาเทวี


องค์เทพประจำของคนที่เกิดวันจันทร์ คือ พระแม่อุมาเทวี บูชาเพื่อขอความรักความเมตตาจากพระแม่ ขอพระแม่คุ้มครอง พระองค์จะทรงประทานพรด้านความสมบูรณ์ ความอิ่มเอม ความผาสุขในการครองเรือน ครอบครัวที่เปี่ยมสุข ตลอดจนการคุ้มครองผู้ศรัทธาให้ปลอดภัยจากภยันตรายทั้งปวง




คาถาบูชาพระแม่อุมาเทวี


โอม เจ มาตา กี


โอม ชยะ มาตา กี


โอม ไชย มาตา กี


โอม ชยะ ศรี ปารวตี มาตา


โอม ไจ มาตา ปารวตี


โอม มหาอุมาเทวี นมัส


โอม มหาศักติ ปารวตี มาตา


โอม ศรี มหาอุมาเทวี นะมะฮา


โอม ตัสสะ ปารวตี กาลี ทุรคา เจ นะมะฮา


โอม ตัสสะ ปารวตี กาลี ทุรคา ปิยัง มะมะ


ทุติยัมปิ ตัสสะ ปารวตี กาลี ทุรคา ปิยัง มะมะ


ตะติยัมปิ ตัสสะ ปารวตี กาลี ทุรคา ปิยัง มะมะ




ผู้ที่เกิดวันอังคาร


พระขันธกุมาร


พระขันธกุมาร


องค์เทพประจำของคนที่เกิดวันอังคาร คือ พระขันธกุมาร บูชาเพื่อขอให้มีจิตใจเข้มแข็งเหมือนนักรบ ข่มศัตรูให้พ่ายแพ้ไป เป็นเทพเจ้าแห่งการชาญณรงค์สงคราม และเป็นเทพเจ้าที่เป็นแม่ทัพของสวรรค์ด้วย ที่อินเดียใต้นิยมนับถือมาก ด้วยเชื่อว่าพระขันธกุมารคือเทวดาผู้คุ้มครองปกป้องรักษาเทวาลัยของศาสนาฮินดู




คาถาบูชาพระขันธกุมาร


ก่อนการสวดบูชาพระขันธกุมาร จะต้องสวดมนต์บูชาพระพิฆเนศก่อนเสมอ


โอม สกัณทายะ นะมะห์ (สามจบ)


โอม การติเกยะ นะมะห์ (สามจบ)


โอม สุพรหมมัณยะ นะมะห์ (สามจบ)


โอม ตัตตะปุรุษายะ วิทมะเห มหาเสนายะ ธีมะหิ


ตันโน สะกันทะ ประโจทะยาต




ผู้ที่เกิดวันพุธ


พระนารายณ์ (พระวิษณุ)


พระนารายณ์ (พระวิษณุ)


องค์เทพประจำของคนที่เกิดวันพุธ คือ พระนารายณ์ (พระวิษณุ) บูชาเพื่อขอความคุ้มครอง ปลอดภัย และขจัดภัยพิบัติต่างๆ พระวิษณุหรือพระนารายณ์เป็นเทพเจ้าแห่งความรุ่งเรือง ทั้งยังมีความเมตตา กรุณา มีหน้าที่ปกป้องคุ้มครองโลกมนุษย์ สรรพสิ่ง ทุกชีวิต ให้พ้นจากสิ่งชั่วร้าย และยังปรารถนาให้มนุษย์อยู่กันอย่างเป็นสุข 




คาถาบูชาพระนารายณ์ (พระวิษณุ)


โอม นะโม นารายณะ นามะ ภะวันตุเม ทุติยัมปิ นะโม นารายณะ นามะ ภะวันตุเม ตะติยัมปิ นะโม นารายณะ นามะ ภะวันตุเม ฯ




ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี


พระแม่สุรัสวดี


พระแม่สุรัสวดี


องค์เทพประจำของคนที่เกิดวันพฤหัสบดี คือ พระแม่สุรัสวดี บูชาเพื่อขอความเจริญก้าวหน้าในศิลปวิทยาการ เป็นเทวีผู้อุปถัมภ์ความรู้ ศิลปะ ดนตรี ปัญญา และการเรียนรู้ พระแม่สรัสวดีเปรียบเสมือนครู อาจารย์ สัญลักษณ์แห่งงานศิลปะทุกแขนง ตลอดจนเป็นผู้ให้กำเนิดอักขระของอินเดีย คือ อักษรเทวนาคี นั่นเอง




คาถาบูชาพระแม่สุรัสวดี


ก่อนการสวดบูชาพระแม่สุรัสวดี จะต้องสวดมนต์บูชาพระพิฆเนศก่อนเสมอ


โอม ชยะ ศรี สรัสวตี มาตา (สามจบ)


โอม ศรี สรัสวะติไย นะมะห์ (สามจบ)


โอม สรัสวตี นะมัส ตุภะยัม


วาระเท กามะรูปินี


วิทยา รัมภัม กะริชยามิ


สิทธิ ภะวะตุ เม สะทา (หนึ่งจบ)




ผู้ที่เกิดวันศุกร์


พระแม่ลักษมี


พระแม่ลักษมี


องค์เทพประจำของคนที่เกิดวันศุกร์ คือ พระแม่ลักษมี บูชาเพื่อขอความสำเร็จในธุรกิจการงาน และความสุขให้เกิดขึ้นในครอบครัว เป็นเทพแห่งความรักที่บริบูรณ์ ทำให้ผู้คนต่างศรัทธาและมาสักการะขอพรกันในเรื่องความรัก นอกจากนี้ท่านยังประทานพร ประทานความสำเร็จให้ ไม่ว่าจะเป็นการประกอบกิจการ การค้า การทำธุรกิจต่าง ๆ การเจรจาต่อรอง ตลอดจนทรัพย์สินเงินทองและความมั่งคั่งให้กับผู้ที่ตั้งใจหมั่นสักการะบูชาท่านด้วย




คาถาบูชาพระแม่ลักษมี


ตั้งนะโม 3 จบ


โอม พระลักษมี อิตถีเทวะ เมตตัญจะ มหาลาโภ


ทุติยัมปิ พระลักษมี อิตถีเทวะ เมตตัญจะ มหาลาโภ


ตะติยัมปิ พระลักษมี อิตถีเทวะ เมตตัญจะ มหาลาโภ


(ขอความมั่งคั่งร่ำรวย ความอุดมสมบูรณ์ ความรัก


ขอพระแม่จงช่วยขจัดปัดเป่าความทุกข์ยาก ความโศก)




ผู้ที่เกิดวันเสาร์


พระพิฆเนศ


พระพิฆเนศ


องค์เทพประจำของคนที่เกิดวันเสาร์ คือ พระพิฆเนศ บูชาเพื่อขอความสำเร็จ พระพิฆเนศทรงเป็นเทพแห่งความสำเร็จ ปัจจุบันผู้คนนิยมกราบไหว้บูชาพระพิฆเนศกันมาก โดยการบูชาพระพิฆเนศนั้นควรบูชาด้วยกล้วยและอ้อย หรือดอกดาวเรือง ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเป็นสิริมงคล ความสำเร็จในด้านต่างๆ กิจการการค้า ค้าขายร่ำรวย รุ่งเรือง และหากมีปัญหาติดขัดไม่ว่าจะเป็นในเรื่องไหนก็ตาม สามารถอธิษฐานขอสติปัญญาญาณจากองค์ท่านในการแก้ไขปัญหาได้เลย




คาถาบูชาพระพิฆเนศ


สามารถเลือกสวดบทใดบทหนึ่งได้


บทบูชาแบบสั้น


โอม ศรี คเณศายะ นะมะฮา




บทบูชาของไทย สวดทุกวันเพื่อเป็นสิริมงคล


โอม พระพิฆเณศวร


สิทธิประสิทธิเม มหาลาโภ


ทุติยัมปิ พระพิฆเณศวร


สิทธิประสิทธิเม มหาลาโภ


ตะติยัมปิ พระพิฆเณศวร


สิทธิประสิทธิเม มหาลาโภ




สรุป


นอกจากจะตั้งใจทำงานอย่างหนักเพื่อสร้างเนื้อสร้างตัวแล้ว บางครั้งเราก็ต้องการสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อความเป็นสิริมงคลและช่วยยึดเหนี่ยวจิตใจ เสริมให้ชีวิตมีความเจริญรุ่งเรืองยิ่ง ๆ ขึ้นไป โดยหนึ่งในความเชื่อที่มีอิทธิพลต่อคนไทยนั่นก็คือ การบูชา องค์เทพประจำวันเกิด ที่ได้รับอิทธิพลทางความเชื่อมาจากศาสนาพราหมณ์-ฮินดู


ซึ่งการไหว้เคารพองค์เทพต่าง ๆ เพื่อเป็นสิริมงคลกับชีวิต ต้องอย่าลืมว่าควรทำควบคู่ไปกับการคิดดี ปฏิบัติดี ใส่ใจ ตั้งใจ และลงมือทำแต่สิ่งที่ดี จะยิ่งทำให้ประสบความสำเร็จในอาชีพการงาน เจริญรุ่งเรือง ร่ำรวยทรัพย์สินเงินทองยิ่ง ๆ ขึ้นไปได้อย่างแน่นอน

อัญมณีประจำเดือนเกิด

 




เดือนมกราคม - โกเมนหรือการ์เนต (Garnet)

     โกเมน เป็นสัญลักษณ์ของแรงบันดาลใจและพลังแห่งชีวิต นำมาซึ่งความจงรักภักดีและความจริงใจ เชื่อกันว่า โกเมนช่วยการไหลเวียนของโลหิตได้ดี สามารถรักษาอาการตกเลือด แผลพุพอง ลดความโกรธ และปกป้องเจ้าของระหว่างการเดินทาง แคล้วคลาดจากอันตราย


     การ์เนตมีหลายสี ส่วนใหญ่มีสีแดง แดงแกมส้ม แดงแกมม่วง แดงแกมน้ำตาล แต่ยกเว้นสีน้ำเงิน มีขนาดใหญ่ มักมีเนื้อค่อนข้างสะอาดและมีความแข็งพอที่จะนำมาสวมใส่ เป็นอัญมณีแห่งศรัทธาและความจริง



เดือนกุมภาพันธ์ - แอเมทิสต์ (Amethyst) 

     แอเมทิสต์เป็นสัญลักษณ์ของสันติภาพ การปกป้องคุ้มครอง และความสงบสุข มีพลังบำบัดสูง เสริมพลังสติปัญญา ช่วยขจัดความคิดด้านลบ สยบอารมณ์โกรธ ขจัดความเครียด มีความเชื่อว่าหากดื่มสุราจากถ้วยที่ทำด้วยแอเมทิสต์จะไม่ทำให้เมา ในด้านสุขภาพสามารถรักษาโรคนอนไม่หลับ ช่วยฟอกเลือด สร้างเม็ดเลือด เป็นเครื่องรางป้องกันฝันร้ายและโชคร้ายต่าง ๆ และช่วยคุ้มครองผู้ที่เดินทางอยู่เสมอ แอเมทิสต์ที่ดีต้องมีสีสม่ำเสมอ สียิ่งเข้มยิ่งดี สีม่วงเข้มเป็นสีที่ได้รับความนิยมมาก เป็นแร่ควอตซ์ที่มีค่าที่สุด




เดือนมีนาคม - อะความารีน (Aquamarine)

     อะความารีน เป็นอัญมณีแห่งท้องทะเล  สัญลักษณ์แห่งความสุขและความสดใสวัยเยาว์ ความหวังและสุขภาพดี มีพลังบำบัด ช่วยลดความโกรธ จิตใจสงบ เพิ่มพูนความฉลาดและความคิดสร้างสรรค์ เพิ่มความเชื่อมั่นในตัวเอง ด้านสุขภาพ ช่วยลดอาการไข้และความดันโลหิตสูง หากพกพาอะความารีน เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลจะช่วยบรรเทาอาการเมาคลื่นและปลอดภัยจากอุบัติภัยเสมอ เชื่อกันว่าผู้ชายที่มอบอะความมารีนให้คู่รักเป็นของขวัญแต่งงานจะทำให้ชีวิตคู่ยืนยาว




เดือนเมษายน - เพชร (Diamond)

     เพชร เป็นสัญลักษณ์แห่งโชคลาภและความสมหวัง การสวมใส่เพชรจะช่วยเสริมพลังด้านอำนาจบารมี ด้านสุขภาพ ช่วยป้องกันการอักเสบของผิวหนัง และช่วยเสริมผิวพรรณให้มีสุขภาพดี จึงนิยมสวมใส่เพชรที่นิ้วนางข้างซ้าย ซึ่งถือว่าเป็นตำแหน่งที่มีเส้นเลือดพุ่งตรงสู่หัวใจพอดี เป็นอัญมณีที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก เพชรที่มีคุณภาพสูงต้องมีสีขาวใสบริสุทธิ์ไร้ตำหนิ ผู้ที่ครอบครองจะทำให้ร่ำรวย มีอำนาจ เป็นที่เกรงขาม ชีวิตรุ่งเรือง และชนะศัตรูทุกมวล




เดือนพฤษภาคม - มรกต (Emerald)

     มรกต คือ สัญลักษณ์แห่งความซื่อสัตย์และศรัทธา เสริมพลังด้านความรัก ความมีสเน่ห์ให้แก่ผู้สวมใส่ เชื่อกันว่ามรกตมีสรรพคุณในการเยียวยารักษาโรคภัยไข้เจ็บ ช่วยบำบัดอาการอักเสบ รักษาความเจ็บป่วยเกี่ยวกับดวงตา หัวใจ และกระดูกสันหลังได้ ตลอดจนเสริมสร้างกระดูกและฟัน มรกตเป็นแร่เบริสชนิดหนึ่งที่มีค่ามากที่สุด สีเขียวสดใสของมรกตเป็นตัวแทนของฤดูใบไม้ผลิและการเกิดใหม่ อัญมณีนี้คือความอุดมสมบูรณ์และการเกิดใหม่ เป็นของขวัญแห่งความรักและความภักดี




เดือนมิถุนายน - ไข่มุก (Pearl)

     ไข่มุก เป็นสัญลักษณ์แห่งความอ่อนน้อมถ่อมตน พรหมจรรย์ และความบริสุทธิ์ ความจงรักภักดี เชื่อว่าสามารถกระตุ้นพลังงานและเพิ่มความมีชีวิตชีวาให้กับผู้สวมใส่ ผู้ที่มีไว้ครอบครองจะทำให้โชคดีเรื่องความรัก ทำให้ผู้ที่เกิดเดือนมิถุนายนเป็นคนพอเพียง เรียบง่าย และพิถีพิถัน ผู้ที่เกิดเดือนมิถุนายนยังสามารถใช้ "เพทาย" เป็นอัญมณีเดือนเกิดแทนไข่มุกได้อีกด้วย




เดือนกรกฎาคม - ทับทิม (Ruby)

     ทับทิมเป็นราชาแห่งอัญมณี มีสีแดงเข้มถึงสีแดงชมพู เป็นสัญลักษณ์ของความกระตือรือร้นและความปรารถนา เป็นอัญมณีที่ให้พลังอมตะแก่ผู้ที่เกิดเดือนกรกฎาคม นำความโชคดีและความรักมาให้ และยังเป็นผู้เปี่ยมด้วยอำนาจในการป้องกันตัวจากผู้ไม่เป็นมิตร ยังสามารถช่วยปกป้องผู้ที่ครอบครองจากการเจ็บป่วยด้วยการติดเชื้อและความชั่วร้ายทั้งหลาย




เดือนสิงหาคม - เพริโด (Peridot)

    เพริโด มีสีเขียวมะนาวอ่อนถึงสีเขียวมะกอก เป็นสัญลักษณ์บ่งบอกถึงความมีชื่อเสียง และการคุ้มครองภัย มีพลังในการเสริมให้จิตใจอารมณ์ มีความมั่งคง ช่วยผู้ที่เดือนนี้ให้ปราศจากความอิจฉาและช่วยขจัดความซึมเศร้าและความกลัว และยังช่วยให้ได้รับแรงบันดาลใจจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทำให้ผู้สวมใส่มีอำนาจบารมียิ่งใหญ่ ด้านสุขภาพ ช่วยบำบัดรักษาโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร ช่วยในการดูดซึมอาหาร เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของม้าม ถุงน้ำดี ตับ และรักษาโรคหืดหอบ




เดือนกันยายน - ไพลิน (Blue Sapphire)

     ไพลินสีน้ำเงินบริสุทธิ์ เป็นสัญลักษณ์แห่งความซื่อสัตย์ มั่นคง ช่วยให้ผู้ที่เกิดเดือนนี้รู้สึกผ่อนคลาย จิตใจผ่องใส เชื่อว่าผู้ใดที่มีไพลินไว้ในครอบครอง จะทำให้เป็นที่รักใคร่เมตตา เป็นที่ศรัทธาของผู้อื่น ช่วยป้องกันไม่ให้ถูกหลอกลวง หรือเป็นที่อิจฉา ทำให้สมหวังในสิ่งที่ตั้งใจไว้ และจิตใจตั้งมั่นอยู่ในความดีงาม ไพลินช่วยปลอดภัยจากอันตราย ไม่เจ็บไข้ได้ป่วย  ช่วยบำบัดโรคทางสมองและระบบประสาท เยียวยารักษาในระบบหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงผิวหนังอักเสบ




เดือนตุลาคม - โอปอล (Opal)

     โอปอล เป็นอัญมณีชนิดเดียวที่มีสีประสมอยู่ในเม็ดเดียวกันและมีการเล่นสีที่พิเศษกว่าอัญมณีอื่น สัญลักษณ์แห่งความหวัง ความบริสุทธิ์ เป็นอัญมณีแห่งความรับรู้ทางจิตใจ ช่วยกระตุ้นจิตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ เชื่อว่าผู้ใดที่เกิดเดือนตุลาคมครอบคองโอปอล จะรู้เหตุล่วงหน้าว่าดีหรือร้ายอย่างไร และป้องกันภูตผีปีศาจ โดยเฉพาะโอปอลสีเข้ม หรือแบล็กโอปอล และทัวร์มาลีนสีชมพู




เดือนพฤศจิกายน - โทพาซ (Topaz)

     โทพาซ มีความโดดเด่นในเรื่องของการรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ช่วยบรรเทาในเรื่องของปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญอาหาร และช่วยในเรื่องของความเครียด เป็นสัญลักษณ์ของการควบคุมตัวเอง ความจริง ความซื่อสัตย์ และการให้อภัย สามารถใช้ซิทรินและบุษราคัม เป็นอัญมณีประจำเดือนเกิดอีกชนิดของผู้เกิดเดือนพฤศจิกายน




เดือนธันวาคม - เทอร์คอยซ์ (Turquoise)

     เทอร์คอยซ์ เป็นอัญมณีที่มีมูลค่ามากที่สุด มีสีฟ้าอ่อนไปจนถึงฟ้าเข้ม สีเขียวหลายเฉดถึงสีเทาแกมสีเหลือง เป็นอัญมณีของนักเดินทางที่ต้องการปัดเป่าโชคร้ายออกไป คนโบราณเชื่อว่าเทอร์คอยซ์เป็นหินแห่งความโชคดี ความซื่อสัตย์และมิตรภาพอันมั่นคง ช่วยดูดซับพลังด้านลบของผู้ที่สวมใส่ ด้านสุขภาพ ช่วยรักษาโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ ภูมิแพ้ ไขข้ออักเสบ


แสงออร่าประจำตัวคุณ

วิธีดูแสงออร่าในตัวคุณ ภายในร่างกายของมนุษย์ จะมีแสงออร่า (Aura) เปล่งออกมาตามอารมณ์ และลักษณะนิสัย อยู่โดยธรรมชาติ ซึ่งตาของมนุษย์จะมองไม่เห็น แต่มีวิธีที่จะคำนวณหาสีพื้นฐาน ของแสงออร่าของแต่ละคนได้ 




ดังนี้… นำวันที่เกิด ไปบวกกับเดือนเกิด บวกกับปี ค.ศ. ที่เกิด ได้ผลลัพธ์เท่าไร ให้นำผลตัวเลขนั้นมาบวกกันเองอีก และบวกไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้เศษตามคำทำนายดังนี้… ตัวอย่าง เช่น เกิดวันที่ 20 สิงหาคม 2530 (ค.ศ. 1987) = 20+8+1987 = 2015 2+0+1+5 = 8 ผลลัพธ์คือ เลข 8

 เลข 1 สีแดง ชอบเป็นผู้นำ มองโลกในแง่ดี ชอบหลงตัวเอง


 เลข 2 สีแสด เข้ากับคนได้ง่าย ขี้เกียจ 


 เลข 3 สีเหลือง มีความคิดสร้างสรรค์ ฉลาด ขี้อาย โกหกเก่ง เลข 


4 สีเขียว ชอบการรักษาโรค ชอบสิ่งท้าทายความสามารถ มีเมตตา ไม่ค่อยยอมรับความคิดเห็นของคนอื่น (ดื้อ) เลข 



5 สีน้ำเงิน เป็นคนเก่งรอบด้าน หน้าตาอ่อนกว่าวัย ไม่ค่อยแก่ (แก่ช้า) ขี้เบื่อ จับจด ทำอะไรไม่ค่อยจริงจัง 


 เลข 6 สีคราม ชอบช่วยเหลือผู้อื่นปฏิเสธใครไม่ค่อยเป็น 



 เลข 7 สีม่วง เป็นคนสมถะ สนใจสิ่งลี้ลับ มีญาณหยั่งรู้ เป็นคนเก็บความรู้สึก เข้ากับคนยาก

วันอาทิตย์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2560

เรื่องย่อวรรณคดี พระอภัยมณี

พระอภัยมณี ผู้แต่ง สุนทรภู่



เนื้อเรื่องตอนที่ 1 การผจญภัยของพระอภัยมณี

พระอภัยมณีและศรีสุวรรณเป็นโอรสของท้าวสุทัศน์และปทุมเกสร กษัตริย์ผู้ครองเมืองรัตนา เจ้าชายทั้งสองได้ออกเดินทางจากบ้านเมืองเพื่อเรียนไสยศาสตร์ และเสาะหาของวิเศษจากทิศาปาโมกข์ตามคำสั่งของบิดา แต่พระอภัยมณีกลับเลือกเรียนวิชาดนตรีคือการเป่าปี่ได้เป็นเอก มีอานุภาพโน้มน้าวจิตในคนหรือประหารผู้ฟังได้ตามใจปรารถนา ส่วนศรีสุวรรณเรียนวิชากระบี่กระบองจนเป็นเลิศ เมื่อกลับมาถึงบ้านเมือง ท้าวสุทัศน์โกรธมากที่โอรสไม่ปฏิบัติตามคำสั่งและโดยที่ไม่ได้พิจารณาคุณค่าของสิ่งที่โอรสเรียนมาพระองค์ได้ตรัสในทำนองว่าน่าจะไล่ออกจากเมือง พระอภัยมณีและศรีสุวรรณน้อยใจจึงชวนกันออกจากเมืองไป

ทั้งสองพระองค์เดินทางด้นดั้นมาจนถึงริมฝั่งทะเล ได้พบพราหมณ์หนุ่มน้อยสามคน มีโมรา ผู้ชำนาญในการผูกหญ้าเป็นสำเภายนต์ท่องทะเล วิเชียร ผู้สามารถยิงธนูได้คราวละ 7 ลูก และสานน ผู้สามารถเรียกลมฝนได้ตามใจปรารถนา เมื่อพราหมณ์ทราบปัญหาของกษัตริย์ทั้งสองแล้ว เกิดสงสัยในวิชาเป่าปี่ของของพระอภัยมณีว่ามีคุณค่าอย่างไร พระอภัยมณีเป่าปี่ให้ฟัง พราหมณ์ทั้งสามรวมทั้งศรีสุวรรณได้ฟังก็เคลิ้มหลับใหลไป ระหว่างนั้น นางผีเสื้อสมุทร ซึ่งอาศัยอยู่ในถ้ำใต้ทะเลได้ผ่านมาเห็น พระอภัยมณีนั่งเป่าปี่อยู่ ก็นึกรัก จึงอุ้มพาไปไว้ในถ้ำ แปลงตนเป็นหญิงสาวคอยปรนนิบัติ พระอภัยมณีดูดวงตาก็รู้ว่ามิใช่มนุษย์แต่ก็จำทนต้องอยู่กินกับนางผีเสื้อสมุทร จนมีลูกชื่อว่าสินสมุทร


ฝ่ายศรีสุวรรณและพราหมณ์ทั้งสามคน เมื่อตื่นขึ้นมาไม่เห็นพระอภัยมณีก็ออกติดตามจนพลัดหลงไปยังเมืองรมจักร ศรีสุวรรณปลอมตัวเป็นพราหมณ์เข้าเมือง จนได้พบนางเกษราธิดาของท้าวทศวงศ์เจ้าเมือง เกิดความรักต่อกัน ขณะนั้นเมืองรมจักรกำลังประสบปัญหาคือ ท้าวอุเทนกษัตริย์เมืองชวามาสู่ขอนางเกษรา ท้าวทศวงศ์ไม่ยอมยกให้ เพราะเห็นว่าเป็นกษัตริย์ต่างชาติ ต่างศาสนา ท้าวอุเทนยกกองทัพมาตีเมืองรมจักร ศรีสุวรรณและพราหมณ์ทั้งสามอาสาสู้ศึกจนได้ชัยชนะ ศรีสุวรรณได้อภิเษกกับนาง เกษรา ได้ครองเมืองรมจักรและต่อมามีธิดานามว่า อรุณรัศมี


ด้านพระอภัยมณี ได้โอกาสหนีนางผีเสื้อสมุทร โดยอาศัยลูกคือสินสมุทร ทั้งนี้เพราะสินสมุทรเมื่ออายุได้ 8 ปี เป็นคนมีพละกำลัง มีอำนาจ มีความสามารถเหมือนแม่ ได้เปิดหินปากถ้ำออกไปเที่ยวเล่น พบเงือกก็จับมาให้พระอภัยมณีดู พระอภัยมณีจึงวางแผนหนีร่วมกับนางเงือกซึ่งอาสาจะช่วยเหลือ หลังจากออกอุบายให้นางผีเสื้อสมุทรไปจำศีลสะเดาะเคราะห์แล้ว พระอภัยมณีและสินสมุทรก็หนีนางผีเสื้อสมุทรมุ่งตรงไปยังเกาะแก้วพิสดารซึ่งมีพระโยคีผู้วิเศษพำนักอยู่ โดยพระอภัยมณีอาศัยผลัดขี่หลังเงือกพ่อ แม่ และลูกสาว ว่ายน้ำได้กันได้ห้าคืน นางผีเสื้อสมุทรกับมาถึงถ้ำรู้เรื่องก็ตามมาทัน จับเงือกพ่อ เงือกแม่กินเสีย พระอภัยมณีขี่หลังเงือกลูกสาวต่อไป โดยมีสินสมุทรต่อสู้กับผีเสื้อสมุทรถ่วงเวลาไว้ ในที่สุดพระอภัยมณี นางเงือก และสินสมุทรสามารถขึ้นเกาะแก้วพิสดารได้ นางผีเสื้อสมุทรไม่สามารถติดตามต่อไปได้ เพราะอำนาจมนต์ของพระโยคีแห่งเกาะแก้วพิสดาร และขณะที่พักอาศัยอยู่กับพระโยคี พระอภัยมณีก็ได้นางเงือกเป็นเมีย ต่อมาพระอภัยมณีและสินสมุนทรได้บวชเป็นฤาษี ได้สนิทสนมกับคนเรือแตกหลายชาติหลายภาษา ซึ่งอาศัยใบบุญของพระโยคีด้วยกัน


เนื้อเรื่องตอนที่ 2 การเดินทางของนางสุวรรณมาลี 


กล่าวถึงเมืองผลึก มีท้าวสิลราชเป็นกษัตริย์ปกครอง มีธิดาชื่อว่านางสุวรรณมาลี ซึ่งได้หมั้นหมายไว้กับอุศเรน โอรสของกษัตริย์ฝรั่งเมืองลังกา วันหนึ่งนางสุวรรณมาลีฝันว่า ต้องระเหเร่ร่อนอยู่กลางทะเล พลัดพรากจากบ้านเมือง โหรจึงแนะนำให้สะเดาะเคราะห์โดยการออกท่องเที่ยวทะเล ระหว่างการเดินทาง เรือโดนพายุหลงทิศทาง ไปจนถึงเกาะแก้วพิสดาร ท้าวสิลราชและนางสุวรรณมาลีได้ขึ้นเฝ้าพระโยคี และได้พบกับพระอภัยมณี


เมื่อซ่อมแซมเรือและได้เสบียงอาหารแล้ว ท้าวสิลราชก็พระโยคีกลับเมือง พระอภัยมณี สินสมุทร และพวกเรือแตกทั้งหลายก็อาศัยเดินทางไปด้วย ระหว่างการเดินทาง ถึงแม้จะรู้ว่านางสุวรรณมาลีมีคู่หมั้นอยู่แล้ว พระอภัยมณีก็ยังเกี้ยวนาง โดยอาศัยสินสมุทรเป็นสื่อรัก สินสมุทรกับนางสุวรรณมาลีสนิทสนมกันมาก สินสมุทรเรียกนางว่าแม่ เมื่อนางผีเสื้อสมุทรซึ่งวนเวียนคอยพระอภัยมณีอยู่ทำให้เรือแตก สินสมุทรก็อุ้มนางสุวรรณมาลีว่ายน้ำไป จนกระทั่งถึงเกาะและปลอดภัย ท้าวสิลราชสูญหายไปพร้อมไพร่พล ส่วน พระอภัยมณีกับพรรคพวกจากเกาะแก้วพิสดารว่ายน้ำไปขึ้นบนเกาะเล็ก ๆ ต่อมาใช้การเป่าปี่เป็นอาวุธฆ่านางผีเสื้อสมุทร หลังจากนั้นได้พบกับอุศเรนคู่หมั้นของนางสุวรรณมาลีที่ออกเรือเดินทางติดตามหานางมา เมื่อทราบเรื่องกัน พระอภัยมณีก็ได้อาศัยเรือของอุศเรนติดตามหาสินสมุทรและนางสุวรรณมาลีด้วยกัน


สินสมุทรและนางสุวรรณมาลี ออกจากเกาะร้างโดยอาศัยเรือของโจรสุหรั่งที่แวะเกาะร้างเพื่อหาน้ำจืด
เรือของโจรสุหรั่งเป็นเรือที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬาร มีตึกรามบ้านช่อง สวนผลไม้ และสัตว์เลี้ยงอยู่บนเรือครบถ้วน พร้อมพรั่งด้วยเรือกำปั่นอีกห้าร้อยมีอาวุธครบ เที่ยวปล้นเรือและบ้านเมืองต่าง ๆ ต่อมาสินสมุทรฆ่าหัวหน้าโจรตาย เพราะโกรธหัวหน้าโจรที่ทำลวนลามต่อนางสุวรรณมาลี ไพร่พลของโจรสุหรั่งเกรงกลัวฤทธิ์เดชของสินสมุทร จึงยอมอยู่ใต้อำนาจ สินสมุทรคุมเรือโจรสุหรั่งจนกระทั่งถึงเมืองรมจักร เกิดรบพุ่งกับ ศรีสุวรรณ สินสมุทรจับศรีสุวรรณได้ ตอนนั้นศรีสุวรรณมองเห็นสินสมุทรสวมแหวนของพระอภัยมณี จึงได้ถามขึ้น ก็ทราบว่าเป็นอาเป็นหลานกัน ศรีสุวรรณเข้าใจว่านางสุวรรณมาลีเป็นแม่แท้ ๆ ของสินสมุทร เพราะสินสมุทรบอกเช่นนั้น นางสุวรรณมาลีก็ไม่ปฏิเสธ ต่อมาศรีสุวรรณ สินสมุทร นางสุวรรณมาลี และ อรุณรัศมี ได้พากันออกติดตามหาพระอภัยมณี เมื่อฝ่ายที่ตามหากันได้พบกัน ความยุ่งยากก็เกิดขึ้น เพราะสินสมุทรไม่ยอมคืนนางสุวรรณมาลี และนางสุวรรณมาลีก็เลือกที่จะอยู่กับสินสมุทร ซึ่งหมายความว่านางเลือกอยู่กับพระอภัยมณีแทนที่จะเลือกอุศเรน ทั้งสองฝ่ายจึงทำสงครามกัน อุศเรนถูกสินสมุทรจับได้ แต่พระอภัยมณีขอชีวิตไว้เพื่อตอบแทน บุญคุณ อุศเรนกลับเมืองลังกาด้วยความโกรธแค้นอาฆาตพยาบาท

ส่วนฝ่ายพระอภัยมณีเดินทางสู่เมืองผลึก มเหสีท้าวสิลราชเห็นนางสุวรรณมาลีกลับมาก็ดีใจมาก เมื่อนางทราบว่าพระอภัยมณีเป็นโอรสกษัตริย์และมีรูปงาม นางจึงยกเมืองผลึกให้พระอภัยมณีครอบครองหวังจะได้อภัยมณีเป็นเขย แต่นางสุวรรณมาลีไม่ยอมอภิเษกกับพระอภัยมณีเพราะนางเห็นว่า พระอภัยมณีใจโลเล ขี้ขลาด ไม่กล้าตัดสินใจเมื่อเกิดปัญหากับอุศเรน ทำให้นางต้องอับอายขายหน้า นางจึงออกบวชเป็นชี พระอภัยมณีพยายามอย่างไรก็ไม่ประสบผลจนกระทั่งได้นางวาลี หญิงเจ้าปัญญาแต่รูปชั่วมาช่วยวางแผน จึงได้อภิเษกกับนาง เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว พระอภัยมณีจึงได้ศรีสุวรรณและสินสมุทร เดินทางกลับไปเยี่ยมท้าวสุทัศน์ที่เมืองรัตนา


เนื้อเรื่องตอนที่ 3 กำเนิดสุดสาคร และศึกระหว่างเมืองผลึกกับเมืองลังกา


นางเงือก ซึ่งอาศัยอยู่ที่อ่าวหน้าเกาะแก้วพิสดารได้คลอดลูกชาย พระโยคีนำไปเลี้ยงไว้ให้ชื่อว่า สุดสาคร สุดสาครเป็นเด็กที่มีความสามารถโดยกำเนิดอยู่แล้ว เมื่อได้เรียนวิชาอาคมจากพระโยคีก็ยิ่งเก่งกล้ามากขึ้น เมื่ออายุได้สามขวบก็ลาพระโยคีและแม่ ออกตามมหาบิดา โดยมีม้านิลมังกร ม้าวิเศษลูกผสมระหว่างม้ากับมังกร ซึ่งจับได้กลางทะเลเป็นพาหนะคู่ใจ และมีไม้เท้าของพระโยคีเป็นอาวุธคู่มือ ระหว่างการเดินทางได้ผจญภัยต่าง ๆ กันเช่น รบกันพวกผีดิบ ถูกชีเปลือยเฒ่าเจ้าเล่ห์ผลักตกเหว แต่ทุกครั้งพระโยคีก็มาช่วย และสอนให้รู้ถึงการดำรงชีวิตในโลกด้วย

ต่อมาสุดสาครได้เข้าไปถึงเมืองการะเวก กษัตริย์เมือง การะเวกเห็นเข้าก็นึกรัก จึงเลี้ยงไว้เป็นโอรสบุญธรรมคู่กับธิดาของพระองค์
ชื่อเสาวคนธ์ ต่อมาพระองค์มีโอรสอีกองค์หนึ่งคือหัสไชย สุดสาครอยู่ในเมืองการะเวกถึง 10 ปี ก็ทูลลาเจ้าเมืองการะเวกติดตามพระบิดา นางเสาวคนธ์และหัสไชยได้ขอติดตามไปด้วย


สงครามระหว่างเมืองผลึกกับเมืองลังกาเกิดขึ้นจากความโกรธของอุศเรน ผลการรบปรากฏว่าเมืองผลึกชนะด้วยอุบายอันชาญฉลาดของนางวาลี อุศเรนถูกจับได้ พระอภัยมณีกำลังจะปล่อยกลับเมือง แต่นางวาลีใช้อุบายยั่วจนอุศเรนอกแตกตาย ปีศาจอุศเรนกลับมาฆ่านางวาลีในภายหลังด้วย เจ้าลังกาเศร้าโศกถึงอุศเรนจนตรอมใจตาย นางละเวงวัลลาธิดาได้ครองเมืองต่อมาแล้วทำสงครามแก้แค้นพระอภัยมณีต่อไป กลายเป็นศึกยืดเยื้อ มีการใช้อุบายให้กษัตริย์เมืองต่าง ๆ มาช่วยนางรบ ใครชนะจะได้นางและครองเมืองลังกา ศึกที่สำคัญ ๆ เช่น ศึกเจ้าละมานตีเมืองผลึก ศึกเก้าทัพตีเมืองผลึก ศึกพระอภัยมณีตีเมืองลังกา เป็นต้น สงครามครั้งนี้มีประเด็นที่น่าสนใจ ดังนี้


1. การทำสงครามของทั้งสองฝ่าย สุนทรภู่ได้บรรยายถึงฉากการรบในทะเลเป็นส่วนใหญ่ อาวุธที่ใช้ในการรบมีทั้งอาวุธธรรมดา เช่นปืน ดาบ และอาวุธทางไสยศาสตร์ คาถาอาคมการสะกดทัพ แต่สิ่งที่ชี้ขาดชัยชนะ สุนทรภู่เน้นที่สติปัญญาของตัวละคร

2. ตัวละครสำคัญในฐานะแม่ทัพของฝ่ายเมืองผลึกมี พระอภัยมณี ศรีสุวรรณ สินสมุทร นางสุวรรณมาลี สุดสาคร พราหณ์โมรา สานนและวิเชียร พร้อมด้วยนางเสาวคนธ์และหัสไชย ซึ่งเดินทางมาพบบิดาที่เมืองผลึกในช่วงที่พระอภัยมณี
กำลังหลงรูปนางละเวงที่ถูกปีศาจเจ้าละมานสิง ตัวละครสำคัญฝ่ายเมืองลังกามี นางละเวง นางรำภาสะหรีลูกอิเรนแม่ทัพ นางยุพาผกา
นางสุลาลีวัน ซึ่งเป็นธิดาบุญธรรมของนางละเวง โดยมีที่ปรึกษาคือ พระสังฆราชและบาทหลวงปีโป มีทหารเอกครึ่งคนครึ่งผีดิบ
คือ ย่องตอด

3. การทำสงครามอันยาวนานนี้ จุดเริ่มมาจากความโกรธแค้นพยาบาท แต่ต่อมาในตอนหลัง ๆ ตัวละครทั้งสองฝ่ายอ้างว่า
ตนต้องทำสงครามเพื่อรักษาชาติและศาสนา ฝ่ายเมืองผลึกก็กลัวสูญชาติศาสนา ถ้าแพ้ฝรั่งลังกา ฝ่ายลังกาก็กลัวสิ้นชาติศาสนา
ถ้าแพ้ฝ่ายเมืองผลึก

4. ขณะที่ตัวละครอื่น ๆ ฝ่ายเมืองผลึก มุ่งชัยชนะทางการทหาร แต่พระอภัยมณีกลับทำสงครามโดยอาศัยการเขียนเพลงยาวถึงนางละเวง พระอภัยมณีให้เหตุผลว่า ถ้าได้นางก็จะได้เมืองด้วย โดยไม่ต้องเสียทหารในการรบ ดังคำกลอน "วิสัยพี่ชำนาญแต่การปาก มิให้ยากพลไพร่ใช้หนังสือ" ซึ่งสุดท้ายก็ทำสำเร็จสมประสงค์

5. ตัวละครเอกผู้ชายฝ่ายเมืองผลึก คือพระอภัยมณี ศรีสุวรรณ สินสมุทร สุดสาคร ถูกฝ่ายนางละเวงทำเสน่ห์ จนหนีกองทัพเข้าไปอยู่กินกับผู้หญิงฝ่ายเมืองลังกา ศรีสุวรรณกับนางรำภาสะหรี สินสมุทรกับนางยุพาผกา สุดสาครกับนางสุลาลีวัน ทิ้งให้กองทัพฝ่ายเมืองผลึกอยู่ในความควบคุมของ นางสุวรรณมาลี นางเสาวคนธ์และหัสไชย เหตุการณ์ตอนนี้เป็นทั้งสงครามรักและสงครามรบ

6. สงครามทั้งสองฝ่ายพัวพันกันจนยุ่งเหยิง บุคคลสำคัญที่มาหย่าทัพให้กษัตริย์ทั้งหมดสามัคคีกันคือ พระโยคีแห่งเกาะแก้วพิสดาร
เสร็จศึกลังกาแล้ว พระอภัยมณีได้จัดการอภิเษกสินสมุทรกับนางอรุณรัศมี และสู่ขอนางเสาวคนธ์ให้กับสุดสาคร แต่นางเสาวคนธ์ไม่ยอมอภิเษกด้วย เพราะนางโกรธที่สุดสาครมีเมียฝรั่ง คือนางสุลาลีวัน นางจึงปลอมตัวเป็นฤาษี
ชื่อพระอัคนีแล่นเรือไปยังเมืองวาหุโลม ทำสงครามชนะเจ้าวาหุโลมและได้ครองเมือง ฝ่ายสุดสาครติดตามมาจนถึงเกาะค้างคาว ได้เรียนอุปเท่ห์สตรีจากเฒ่าที่เกาะ พอเข้าเมืองวาหุโลมก็ได้นางเสาวคนธ์ตามที่ปรารถนา


เนื้อเรื่องตอนที่ 4 ปิดเรื่อง

การศึกครั้งนี้เกิดขึ้นระหว่างพ่อแม่กับลูก ฝ่ายเมืองลังกามีผู้นำคือ มังคลา ซึ่งเป็นโอรส พระอภัยมณีกับนางละเวง วลายุดา วายุพัฒ หัสกัน โอรสของศรีสุวรรณ สินสมุทร สุดสาคร ตามลำดับ ฝ่ายเมืองผลึกประกอบด้วยเมืองผลึก เมืองรมจักร เมืองการะเวก รวมทั้งนางละเวง นางรำภาสะหรี นางยุพาผกาและนางสุลาลีวันก็เข้าร่วมกับฝ่ายเมืองผลึกด้วย เพราะโกรธแค้นโอรสของตัวเองที่รบกับบิดาและ
วงศาคณาญาติ ต้นเหตุของสงครามก็คือ เมื่อมังคลาขึ้นครองเมืองแทนนางละเวง พระสังฆราชยุให้มังคลาไปแย่งโคตรเพชรของเมืองลังกา ซึ่งนางเสาวคนธ์ขอนางการะเวกไปกลับคืนมา แต่นี่เป็นเพียงแต่ข้ออ้างเท่านั้น เพราะมังคลาส่งกองทัพไปโจมตีทั้งเมืองการะเวก เมืองผลึกและเมืองรมจักรในเวลาเดียวกัน พอดีช่วงเวลานั้น พระอภัยมณี ศรีสุวรรณ สินสมุทร ไปทำศพท้าวสุทัศน์ที่เมืองรัตนา ส่วนสุดสาครและนางเสาวคนธ์ยังไม่ได้กลับเข้าเมืองการะเวก ฝ่ายมังคลาจึงจับนางสุวรรณมาลีและธิดาคือสร้อยสุวรรณ จันทร์สุดา รวมทั้งท้าวทศวงศ์และนางเกษราไปขังไว้ที่เมืองลังกา เมื่อทราบข่าวร้ายพระอภัยมณี ศรีสุวรรณ สินสมุทรก็รีบยกทัพไปเมืองลังกาสมทบกับสุดสาคร และนางเสาวคนธ์ ฝ่ายนางละเวงเข้าร่วมกับฝ่าย พระอภัยมณีทำสงครามกับโอรสของตน สุดท้ายฝ่ายลูกก็สู้พ่อแม่ไม่ได้ เลยหลบหนีไป

เมื่อเหตุการณ์สงบเรียบร้อยแล้ว ศรีสุวรรณก็กลับไปครองรมจักร หัสไชยได้อภิเษกกับสร้อยสุวรรณจันทร์สุดาและกลับไปครองเมืองการะเวก สินสมุทรครองเมืองผลึก สุดสาครครองเมืองลังกา ส่วนพระอภัยมณีโกรธนางสุวรรณมาลีีและนางละเวงในการที่ไม่ปรองดองกัน จึงออกบวชเป็นฤาษี นางสุวรรณมาลีและนางละเวงจึงออกบวชเป็นชี มาคอยรับใช้พระอภัยมณีที่เขาสิงคุตร

ที่มา เรื่องย่อพระอภัยมณีhttp://rungfa.chs.ac.th/apaistory.htm


credit : http://www.boysapolclub.com/Forums/index.php?topic=2607.75

เรื่องย่อวรรณคดี อิลราช

เนื้อเรื่องย่อ อิลราช จากชายกลายหญิง



ในนครพลหิกา มีกษัตริย์ครองนคร ทรงพระนามว่า ท้าวอิลราช เป็นกษัตริย์ที่เปี่ยมด้วยคุณธรรม วันหนึ่งในวสันตฤดู ทรงออกป่าล่าสัตว์พร้อมบริวาร จนถึงตำบลที่กำเนิดของพระขันทกุมาร

ในเวลานั้น พระอิศวรกำลังล้อเล่นกับพระอุมา ชายา ทรงจำแลงกายเป็นสตรี และบันดาลให้ทุกสิ่งในนั้นเป็นสตรีทั้งหมด ครั้นเมื่อท้าวอิลราชและข้าราชบริพารผ่านเข้าไปในป่าดังกล่าว ก็กลายเป็นสตรีไปทั้งหมด

ครั้นเมื่อท้าวอิลราชกลายเป็นสตรี ก็ตกใจ ทูลขออภัยจากพระอิศวร พระอิศวรไม่ทรงยอม แต่พระอุมาเทวีประทานพรให้กึ่งหนึ่ง คือเป็นบุรุษและสตรีสลับกันไปเดือนละเพศ เมื่อเป็นบุรุษ ชื่อ อิราช เมื่อเป็นสตรี ชื่อนางอิลา

เมื่อถึงเดือนที่เป็นสตรี นางอิลาและบริวารสตรีพากันไปเที่ยวเล่นในป่า และเผอิญพบกับพระพุธ ที่กำลังบำเพ็ญตบะในป่า นางอิลาได้อยู่เป็นชายาของพระพุธ จนครบเดือน เมื่อเป็นบุรุษ ก็ลืมความเป็นไปในภาคสตรีเพศ และเป็นเช่นนี้กระทั่งเก้าเดือน นางอิลาก็ให้ประสูติกุมารองค์หนึ่ง พระพุธให้นามว่า ปุรุรพ

เมื่อท้าวอิลราชคืนมาเป็นบุรุษ พระพุธเห็นใจ จึงประชุมมหาฤษีเพื่อหาทางแก้ไขคำสาปให้แก่ท้าวอิลราช ในที่สุดที่ประชุมตกลงทำพิธีอัศวเมธ ทำให้ท้าวอิลราชคืนมาเป็นเพศบุรุษอีกครั้ง

credit : http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=vinitsiri&month=10-2009&date=23&group=23&gblog=13

เรื่องย่อวรรณคดี อุษา – บารส

ตำนานรัก "อุษา – บารส" 



อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาภูพาน ในเขต อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสำคัญเกี่ยวกับอารยธรรมของมนุษย์ และการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิประเทศคือมีหินทรายที่ถูกกัดกร่อนด้วยกาลเวลาเกิดรูปร่างแปลกตาในรูปทรงต่างๆ นับเป็นความมหัศจรรย์ของธรรมชาติในการจัดแต่งกลุ่มก้อนหินให้มีลักษณะต่างๆ ซึ่งคนรุ่นเก่าสมัยก่อนได้นำมาผูกแต่งจินตนาการเป็นเรื่องราวให้สอดคล้องกับสถานที่ นั่นคือ ตำนานรักอุษา-บารส อันลือเลื่อง

พระยาพานผู้ครองเมืองพาน ได้นำธิดาแสนสวยชื่อ "นางอุษา" ไปฝากไว้กับฤาษี ในบริเวณป่าแถวภูพาน เพื่อให้นางอุษาได้ร่ำเรียนวิชา โดยสร้างหอคอยให้อยู่อย่างโดดเดี่ยวลำพังคนเดียว ซึ่งต่อมาชาวบ้านเรียกว่า หอนางอุษา มีลักษณะเป็นเพิงหินรูปคล้ายดอกเห็ด ขนาดกว้าง 5 เมตร ยาว 7 เมตร ตรงผนังหินด้านทิศเหนือของก้อนหินก้อนล่างมีภาพเขียนสีเป็นลายเส้นสีแดง  2-3 เส้น

ต่อมานางอุษาได้ร้อยดอกไม้เป็นรูปหงส์  พร้อมข้อความแสวงหาความรักลงในกลีบดอกไม้ อธิษฐานว่าใครที่จะเป็นคู่ครองของนาง ขอให้เก็บพวงมาลัยพวงนี้ได้และขอให้ได้พบกัน แล้วนำไปลอยน้ำ ปรากฏว่า "ท้าวบารส" โอรสแห่งเมืองพระโค  เป็นผู้เก็บได้และนึกรักใคร่นางอุษาทันที ได้ออกเดินทางรอนแรมไปตามป่าเขากับม้าคู่ใจ จนไปถึงที่อยู่ของนางอุษา ได้ผูกม้าไว้ที่เพิงหิน ซึ่งเรียกว่า คอกม้าท้าวบารส (มีภาพเขียนสีอยู่บนเพิงหินด้านทิศเหนือ)

เมื่อทั้งสองได้พบกัน ความรักก็เกิดขึ้น แต่เมื่อพระยาพานทราบข่าวก็โกรธมาก ได้ท้าพนันสร้างวัดแข่งกัน ภายในเวลาดาวประกายพรึกขึ้น หากฝ่ายใดสร้างเสร็จไม่ทันก็จะถูกตัดศีรษะ ฝ่ายท้าวบารสซึ่งมีแรงงานน้อยกว่า ได้คิดอุบายนำเทียนจุดสว่างไปตั้งอยู่บนปลายไม้เหนือยอดเขาฝ่ายพระยาพานเข้าใจผิดคิดว่าดาวประกายพรึกขึ้น จึงพากันหยุดสร้างขณะเดียวกันฝ่ายท้าวบารสก็เร่งสร้างจนเสร็จ เช้าขึ้นพอรู้ว่าวัดที่ตนเองสร้างไม่เสร็จ พระยาพานจึงถูกตัดศีรษะตามสัญญา

แต่พระยาพานก็สามารถฟื้นขึ้นมาใหม่ได้และเกิดการสู้รบกัน  ท้าวบารสได้สังหารพระยาพาน นางอุษาเศร้าโศกเสียใจมาก ที่ท้าวบารสฆ่าพ่อของตนเอง และเมื่อกลับไปเมืองพะโค ก็ถูกพระมเหสีทั้ง 10 ของท้าวบารสรังแกและออกอุบายให้ท้าวบารส ออกไปสะเดาะเคราะห์ในป่าเป็นเวลา 1 ปี  นางอุษาจึงหนีกลับไปที่หอนางอุษาด้วยความรู้สึกผิดหวังในความรักเกิดล้มป่วยเพราะตรอมใจ  กระทั่งเสียชีวิตไป ฝ่ายท้าวบารสทราบข่าวก็รีบมาหา  เห็นนางอุษาสิ้นชีวิตไป ก็ตรอมใจสิ้นตามนางไปอีกคน

จากตำนานรักอุษา-บารสนี้ ได้ปรากฏเป็นก้อนหินรูปร่างต่างๆ บริเวณภูพระบาท เช่น หอนาง อุษา คอกม้าท้าวบารส หีบศพนาง อุษา หีบศพท้าวบารส บ่อน้ำนางอุษา กี่นางอุษา และวัดพ่อตา วัดลูกเขย นอกเหนือจากนั้นยังมีภาพเขียนสีสมัยก่อนประวัติศาสตร์ประดับอยู่ตามผนังเกือบทุกแห่ง

สำหรับผู้มาเยือนอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท นอกเหนือจะได้ชมความงามมหัศจรรย์ของหินรูปทรงต่างๆ แล้ว ยังมีที่เที่ยวอื่นๆในบริเวณใกล้เคียงคือ พระพุทธบาทบัวบก พระพุทธบาทหลังเต่า พระพุทธบาทบัวบาน รวมถึงถ้ำและเพิงหินต่างๆ ให้ได้ชมกัน

และอีกหนึ่งตำนาน อุสา - บารส อำเภอบ้านผือ อุดรธานี

นานมาแล้ว.........มีเมืองหนึ่ง ชื่อว่า เมืองพานมีพระยาพานปกครองดูแล มีพระราชบุตรนามว่าท้าวพานนา และพระราชธิดานามว่านางสมัญญา วันหนึ่งพระยาพานได้เสด็จประพาสป่า ได้พบกับนางอุสา ซึ่งเป็นเด็กผู้หญิงหน้าตาน่าเอ็นดู จึงทรงขอนางอุสากับพระฤๅษีมาเลี้ยงเป็นลูกท้าวพานนาและนางสมัญญาก็รักนางอุสาดุจเดียวลูกในไส้ เมื่อนางอุสาเติมโตเป็นสาวรุ่นมีความงดงามจนเป็นที่เลืองลือไปทั่วทุกแคว้น

กล่าวฝ่าย พระยาไกลาสครองเมืองภูเงิน ทราบข่าวความงดงามของนางอุสาจึงใคร่อยากได้นางมาเป็นมเหสี จึงนำทองคำและเงินมาถวายพระยาพานเพื่อขอนางอุสาไปเป็นมเหสี แต่นางอุสา ปฏิเสธพระยาไกรลาส จึงกลับเมืองภูเงินไปอย่างผิดหวัง

กล่าวถึงท้าวบารสพระราชบุตรของพระยากิตติกรนารายณ์สี่มือเจ้าเมืองปะโคทรงโปรดปราน การเสด็จประพาสป่า  วันนั้นได้เสด็จออกประพาสป่า จนมาถึงไทรใหญ่ จึงได้หยุดพักผ่อน และสั่งให้ เสนาอำมาตย์ตั้งเครื่องเซ่นสังเวยเทวดาอารักษ์ทั้งหลายอย่างอุดมสมบูรณ์ เมื่อเทวดาอารักษ์ทั้งหลาย ได้รับเครื่องเซ่นไหว้แล้วก็พากันคิดตอบแทนน้ำใจ ของท้าวบารส คืนวันนั้นขณะที่ทุกคนรวมทั้งท้าวบารสกำลัง หลับพักผ่อนกันในป่าเทวดาได้อุ้มเอาท้าวบารสไปไว้ในหอของอุสา เมื่อทั้งสองได้พบกัน ก็มีความพอใจกัน อยู่ด้วยกันเป็นเวลา ๗ คืน ตกดึกของคืนวันที่ ๘ ขณะที่นางอุสาและท้าวบารสกำลังหลับสนิทอยู่นั้น เทวดาก็ได้มาอุ้มท้าวบารสกลับไปที่ต้นไทรใหญ่เหมือนเดิม เมื่อท้าวบารสตื่นขึ้นมาทรงคิดว่า ตนฝันไปและทรงคิดถึงนางอุสาตลอดเวลานึกตั้งคำถามว่า นางเป็นใครอยู่ที่ไหน และได้พาขบวน เสนาอำมาตย์กลับเมืองปะโค

กล่าวถึงนางอุสาเมื่อตื่นขึ้นไม่พบท้าวบารสก็ได้สอบถามกับเหล่านางสนมทั้งหลายแต่ไม่มีใครทราบ นางสมัญญาเห็นผิดสังเกตจึงถามความเป็นไปจากนางอุสา นางอุสาจึงได้เล่าความจริงทั้งหมดให้ฟัง แต่นางก็ไม่รู้ว่าชายที่มาอยู่กับนางนั้นเป็นใคร อยู่ที่ไหน นางสมัญญารู้สึกเอ็นดู และสงสารนางอุสายิ่งนัก จึงอาสาวาดรูปกษัตริย์เมืองต่าง ๆ เอามาให้นางอุสาดู จนกระทั่งวาดมาถึงรูปของท้าวบารสพระราชบุตร แห่งเมืองปะโค นางอุสาเห็นแล้วดีใจมาก เมื่อทราบว่าท้าวบารสเป็นใคร อยู่ที่ไหน แล้วนางอุสา รีบเขียนสาสน์ไปถึงท้าวบารสทันที ท้าวบารสเมื่อได้รับสาสน์ของนางอุสา และรู้ว่านางเป็นใคร อยู่ที่ไหนรีบควบม้ามาหาทันทีเช่นกัน เมื่อทั้งสองได้พบกันอีกครั้งมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ท้าวบารส อยู่ที่หอนางอุสาร่วมหนึ่งเดือน ความทราบถึงพระยาพาน พระยาพานทรงพิโรธอย่างเป็นไฟทีเดียว รีบบึ่งไปจับตัวท้าวบารส โดยไม่ฟังคำทัดทานใด ๆ ทั้งสิ้น แม้ท้าวบารสจะอ้อนวอนด้วยเหตุผลใด ๆไม่รับฟังและสั่งให้ท้าวบารสไปขังไว้ร้อนถึงพระฤาษีเมื่อรู้ด้วยญาณว่าท้าวบารสถูกคุมขังไว้จึงได้เดินทางจากป่าเข้าวัง ขอให้พระยาพานปล่อยท้าวบารสเสียแต่ไม่สำเร็จ จึงได้เดินทางไปบอก พระยากิติกรนารายณ์สี่มือเจ้าเมืองปะโคพระราชบิดาของท้าวบารส พระยากิติกรนารายณ์สี่มือมีสาสน์ ไปถึงพระยานพรานให้ปล่อยท้าวบารสกลับคืนเมืองปะโคเสีย มิฉะนั้นจะต้องทำศึกกัน พระยาพานไม่ยอมปล่อยท้าวบารสและยินดีที่จะทำศึกกับเมืองปะโค

การทำศึกระหว่างเมืองพานกับเมืองปะโคนั้นเป็นไป อย่างเข้มข้นเพราะเจ้าเมืองทั้งสองต่างมีอิทธิฤทธิ์ด้วยกันทั้งคู่แต่แล้วพระยาพานเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำถูกฆ่าตาย  ในสนามศึกครั้งนั้นนางอุสาได้ติดตามไปอยู่กับท้าวบารสที่เมืองปะโคแต่ต้องตรอมใจตลอดเวลา เพราะถูกนางสนมของท้าวบารสพูดและทำพฤติกรรมเสียดสีกระทั้กกระทั้น ต่างๆ นา ๆ ท้าวบารสไม่เอาใจใส่นางดั่งที่เคยอยู่กันที่หอนางอุสาได้รับความซอกช้ำใจมาก ในมี่สุดจึงตัดสินใจหนีกลับคืนเมืองพาน

เมื่อกลับถึงเมืองพาน นางอุสามีแต่ความคิดถึงท้าวบารสจนกินไม่ได้นอนไม่หลับจนล้มป่วยลง ท้าวพานนาและนางสมัญญาดูแลเอาใจใส่นางอุษา เป็นอย่างดีและรีบส่งข่าวไปบอกท้าวบารส เมื่อท้าวบารสทราบข่าวว่านางอุษาหนีกลับมาอยู่ที่เมืองพานและกำลังป่วยหนัก จึงรีบขวบม้ามาหาทันที แต่มาช้าไปเพราะนางอุษามีร่างกายซูบผอมลงไม่มีกำลังใจในการต่อสู้อีก ทั้งหัวใจบอบซ้ำ ในที่สุดนางอุษาก็ซ้ำใจตายท้าวพานนาและนางสมัญญา รู้สึกสะเทือนใจในการตายของนางอุษาจนสุดควบคุมจิตใจของตนเองได้ จึงขาดใจตามนางอุษาไปด้วย

เมื่อท้าวบารสมาถึงเมืองพานสามพี่น้องตายอยู่ด้วยกัน รู้สึกสำนึกผิดที่มีต่อนางอุษา พระยาพาน ท้าวพานนา นางสมัญญา และชาวเมืองพานทุกคนที่ตนทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ท้าวบารสเสียใจ เป็นที่สุดจึงล้มป่วยลง ขาดใจตายตามไปด้วยกันด้วยความรักที่ทุกคนมีต่อกัน อย่างบริสุทธิ์ จึงเป็นบุญให้ดวงวิญญาณไปเสวยสุขอยู่บนสวรรค์

เครดิต : http://www.boysapolclub.com/Forums/index.php?topic=2607.75

เรื่องย่อ มิติมหัศจรรย์ บทประพันธ์ จุฑารัตน์

มิติมหัศจรรย์ บทประพันธ์ จุฑารัตน์



เรื่องย่อ 

     พระเสาร์ได้เจอกินรี 3 พี่น้อง และเกิดชอบใจในตัวกินรีเกศกัลยา แต่เกศกัลยาไม่ได้รักพระเสาร์ และรู้ว่าพี่สาวของเธอต่างหากที่หลงรักพระเสาร์ตั้งแต่แรกพบ เกศกัลยาจึงตั้งเงื่อนไขกับพระเสาร์ว่า ขอเวลา 3 ปี และขอให้พระเสาร์สามารถให้ชีวิตเป็นอมตะแก่เธอ พระเสาร์ตอบตกลง แต่วิธีที่จะทำให้เกศกัลยาเป็นอมตะมีเพียงสร้อยพระศอมรกตอมตะรัตน์ของพระอุมาเทวีเท่านั้น  แต่การจะไปขอสร้อยมาเปล่าๆ ก็ดูไม่ดี พระเสาร์จึงได้ไปหาหน่อต้นสุคนธบุษบง ซึ่งเป็นต้นไม้ที่ปลูกยากมากมาปลูกไว้ที่เขาไกรลาศ โดยปลอมเป็นคนเฝ้าสวน  เพื่อจะเอาไปแลกกับสร้อยพระศอฯ  ในขณะนั้นพระเสาร์ ในฐานะคนสวนที่ชื่อ “ศนิ” ได้พบกับเทพธิดาน้อยทิพย์อัปสร ทั้งคู่ก็คบหากันเป็นเพื่อน ทิพย์อัปสรบอกพระเสาร์ว่าที่มาเป็นนางกำนัลเพราะอยากเห็นเทพผู้ใหญ่ ทำให้พระเสาร์เอ็นดูนางมาก

      ฝ่ายเกศกัลยาได้หนีไปเที่ยวป่าหิมพานต์แต่เพียงลำพัง และได้โดนงูพิษกัดที่สระบัว วิทยาธรชื่อ “วิรุฬ” ได้ผ่านมาช่วยเหลือและพานางไปส่งที่ภัทรานคร เกศกัลยาเล่าเรื่องราวให้ท้าวธุมราช (เสด็จพ่อ) ฟัง ท้าวธุมราชจึงทรงให้วิรุฬรับราชการอยู่ที่ภัทรานครเป็นการตอบแทน วิรุฬจึงยอมตกลงเพราะหวังใกล้ชิดกับเกศกัลยา ในที่สุด ทั้งสองก็รักกัน

     วันหนึ่งพระอังคารก็เสด็จมาเยี่ยมพระอุมาเทวี แต่ไปเจอทิพยอัปสรกำลังเล่นปิดตากับนางกำนัล และมาจับถูกพระอังคารเพราะมองไม่เห็น พอรู้ว่าเป็นผู้ชายที่ไม่รู้จักก็ร้องโวยวาย พระอุมาเทวีจึงได้บอกว่าทิพย์อัปสรว่านี่คือพระอังคารซึ่งเป็นเทพ ผู้ใหญ่อีกองค์ แล้วให้ทิพย์อัปสรไปรินสุราถวาย ทิพย์อัปสรเงอะงะทำสุราหกใส่พระอังคาร  พระอังคารไม่โกรธแต่กลับทำให้พระอังคารประทับใจนางมากขึ้น

    พอวันเกิดของทิพย์อัปสร นางได้รับแหวนจากพระแม่อุมา ส่วนพระเสาร์สอนมนต์บังฟ้าให้นางเพื่อให้ใช้ป้องกันตัว และหากศัตรูของนางเห็นว่าทิพย์อัปสรใช้มนต์บทนี้ก็จะรู้ว่านางมีพระเสาร์คอย คุ้มครองอยู่

     ครั้นพอต้น สุคนธบุษบงออกดอกเบ่งบาน กลิ่นของดอกคันธบุษบงขจรขจายไปทั่วเขาไกรลาศ พระอุมาเทวีทรงพอพระทัยมากได้ถามหาว่าใครเป็นผู้ปลูกต้นไม้นี้ พระนางจะประทานรางวัลให้ พระเสาร์จึงปรากฏองค์และเล่าเรื่องราวของเกศกัลยาให้ทราบพร้อมกับทูลขอสร้อยพระศอมรกตอมตะรัตน์จากองค์พระอุมาเทวี ซึ่งพระอุมาเทวีก็ประทานให้ ทิพย์อัปสรเพิ่งได้รู้ว่าแท้จริงแล้วศนิที่นางหลงรัก คือพระเสาร์ และมีคู่หมายแล้วคือนางกินรีเกศกัลยา ก็เสียใจมาก จึงตัดสินใจทูลลาพระอุมาเทวีกลับไปยังทะเลสีธันดรบ้านของนางในวันนั้นโดยไม่ได้บอกลาพระเสาร์  ฝ่ายพระเสาร์หลังจากรู้ว่าทิพย์อัปสรไม่อยู่แล้ว ก็รู้สึกเศร้าใจ และเตรียมจะไปสู่ขอนางกินรีด้วยความรู้สึกที่ไม่ได้ยินดี ทั้งที่จะได้แต่งงานกับสตรีที่หมายปองมานานขณะที่ทิพย์อัปสรกลับบ้านก็เกิดอยากเห็นหน้าเกศกัลยาจะงามขนาดไหน จึงเปลี่ยนทิศเดินทางไปยังภัทรานคร  ระหว่างทางนางได้ถวายผลไม้แก่ฤาษีผู้หนึ่ง ฤาษีได้เตือนให้นางระวังตนไว้ อย่าได้ทำอะไรผลีผลามอันจะเกิดเป็นกรรมหนัก ทิพย์อัปสรกราบลาฤาษีแล้วเดินทางไปจนถึงภัทรานคร นางแอบได้ยินเกศกัลยาคุยกับวิรุฬ จึงได้รู้ว่าเกศกัลยากับวิรุฬรักกันมาก ถ้าพระเสาร์ไม่มาสู่ขอภายในเวลา 3 ตามสัญญา ท้าวทุมราชก็จะอนุญาตให้เกศกัลยาได้แต่งงานกับวิรุฬทันที ทิพย์อัปสรคิดไปตามประสาว่า ถ้านางช่วยให้ทั้งสองสมหวัง พระเสาร์ก็จะตัดใจจากเกศกัลยาไปเอง ทิพย์อัปสรจึงใช้มนต์บังฟ้าและแหวนจากพระแม่ฯ ให้คนในภัทรานครเข้าใจเวลา ผิดไปหนึ่งวัน ท้าวธุมราชเข้าพระทัยว่าครบกำหนดเวลาสามปีแล้วพระเสาร์ไม่เสด็จมาจึงจัดงานแต่งงานให้กับเกศกัลยาและวิรุฬ  ซึ่งพระเสาร์ก็มาถึงพอดี พระเสาร์พิโรธมากที่พวกกินรีหาว่าพระองค์ไม่ตรงต่อเวลา ก็โกรธจัดจึงสาปให้ทั้งเมืองให้กลายเป็นหิน และวิญญาณของทุกคนจะถูกจองจำไว้ จนกว่าจะได้น้ำศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 3 โลก มารดราดพื้นดิน ณ ใจกลางของภัทรานคร


     ทิพย์อัปสร ซึ่งใช้กำลังเกินตัวในการใช้มนต์ฯ ก็หมดสิ้นอิทธิฤทธิ์ที่มีจนใกล้ตาย นางเดินเท้าตั้งใจจะกลับทะเลสีธันดร แต่ก็มีคนธรรพ์มาจับตัวไว้ พระเสาร์ซึ่งกำลังกริ้วผ่านมาช่วยนางทันเวลา  พอทิพย์อัปสรรู้ว่าพระเสาร์สาปพวกกินรีที่ภัทรานครเป็นหินหมดก็รู้สึกเสียใจมาก นางได้สารภาพกับพระเสาร์ว่านางเป็นคนใช้มนต์บังฟ้าเลื่อนเวลาในภัทรานครเอง เพราะไม่อยากให้พระเสาร์แต่งงานกับหญิงอื่น ที่นางทำไปเพราะคิดไม่ถึงว่าเรื่องจะร้ายแรงขนาดนี้

    ฝ่ายพระอังคารก็ถูกพระศิวะขอ ให้จุติลงมาเมืองมนุษย์เพื่อปราบคนชั่ว พระอังคารเลยทูลขอทิพย์อัปสรไปเป็นชายาทั้งในโลกมนุษย์และกลับมาบนสวรรค์  พระอุมาเทวีไม่ขัดข้องแต่ทิพย์อัปสรได้ทูลลากลับบ้านไปแล้ว จึงแนะให้พระอังคารไปขอทิพย์อัปสรกับพระสมุทรซึ่งเป็นบิดา

    ทางพระเสาร์เองหายกริ้วแต่ไม่ยอมถอนคำสาปและได้พาทิพย์อัปสรไปรักษาตัวบนวิมานของตน เมื่อได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน พระเสาร์จึงรู้ว่าพระองค์ทรงรักทิพย์อัปสรและจะจัดงานแต่งงานระหว่าง พระองค์กับทิพย์อัปสรขึ้นโดยให้อมรเทพส่งสาสน์ไปให้พระสมุทรที่ทะเลสีธันดร

     ระหว่างนั้นพระอังคารและพระสมุทรได้ส่งคนออกตามหาตัวทิพย์อัปสรแต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่พบ กำหนดฤกษ์จุติของพระอังคารก็ใกล้เข้ามาทุกที ในที่สุดก็ได้รู้จากบริวารว่าทิพย์อัปสรกำลังจะแต่งงานกับพระเสาร์ จึงบุกมาในวันแต่งงานเพื่อแย่งตัวนางกลับไป  พระเสาร์กับพระอังคารต่อสู้กัน เป็นเหตุให้ทิพย์อัปสรต้องสะเก็ดอาวุธของมหาเทพทั้งสองจนถึงแก่ความตาย  พระอังคารเสียใจมาก แต่คิดได้ว่าจะต้องลงไปโลกมนุษย์อยู่แล้ว และคงจะได้เจอทิพย์อัปสร เลยเสด็จจุติโดยไม่รอฤกษ์ พระอินทร์ทราบข่าว ก็เลยส่งสุลักษณาลงไป หวังให้เป็นคู่ของพระอังคารแทนทิพย์อัปสร

     ดวงวิญญาณของทิพย์อัปสรไปเกิดยังโลกมนุษย์ ชื่อว่า  ”ทิพย์มณี”  และใช้ชีวิตเช่นปกติจนเติบใหญ่เข้ามหาวิทยาลัย และหมั้นหมายกับอานนท์ (วิรุฬ) เพื่อนของพี่ชาย โดยแหวนหมั้นทำมาจากมรกตจากสร้อยพระศอฯที่เกิดเรื่องในเมืองภัทรานคร  ช่วงที่ทิพย์มณีอยู่ในโลกนี้พระเสาร์ก็ยังคอยคุ้มครองดูแลอยู่ห่างๆเรื่องการหมั้นทำให้เพื่อนชายที่แอบหลงรักโกรธมาก และหลอกพาทิพย์มณีไปจนประสบอุบัติเหตุ ทำให้พลัดหลงเข้ามาในดินแดนอันเป็นอดีตชาติของตน